เดี๋ยวนี้เรามักจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับกล้องหน้ารถกันมากขึ้น เพราะอะไร ก็เพราะการใช้รถใช้ถนนนั้น แน่นอนว่าอุบัติเหตุมันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นก็ตาม ไม่เราไปชนเค้า เค้าก็มาชนเรา ต่อให้ขับดีแค่ไหนเหตุไม่คาดคิดก็สามารถเกิดขึ้นได้แล้วยิ่งเป็นกรณีชนแล้วหนีด้วยละก็
ถ้าเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนแต่ลงมาเคลียร์กันดี ๆ โทรเรียกประกันแบบนี้ก็โอเคไป แต่ที่ต้องมีกล้องติดหน้ารถไว้เพราะมันมีคนบางประเภทที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ขับชนแล้วหนี เจอแบบนี้มันน่าเจ็บใจนะ ทั้งเสียเวลา ทั้งเสียทรัพย์สิน แถมยังตามตัวคนผิดมาลงโทษหรือรับผิดชอบไม่ได้อีก กล้องหน้ารถจึงเป็นไอเทมสำคัญที่รถทุกคันควรมี ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตัวเองจริง ๆ ต้องทำยังไง ประกันจะคุ้มครองมั้ย หรือต้องออกเองหมดเลย คงมีคำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวเพื่อน ๆ เต็มไปหมด ซึ่งวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจในเรื่อง “ชนแล้วหนี” กันแบบละเอียด ชนิดที่ว่าร้องอ๋อกันไปยาว ๆ เลย
โดนชนแล้วหนีไม่เป็นไร ตรวจสอบประกันตัวเองก่อนว่าคุ้มครองเรื่องนี้ไว้รึเปล่า
ก่อนอื่นขอให้เพื่อน ๆ ทำความเข้าใจกันก่อนนะว่า การชนแล้วหนีมันก็คืออุบัติเหตุอย่างนึง ซึ่งรถทุกคันสามารถเจอได้ ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าบริษัทประกันเค้าต้องมีออพชั่นนี้ไว้ให้เราเลือกตอนทำอยู่แล้ว แต่ติดอยู่อย่างนึงคือ ประกันรถที่เราซื้อมา มันมีออพชั่นนี้คุ้มครองรวมอยู่ด้วยรึเปล่านี่แหละ ดังนั้นเราต้องมาเช็กกันก่อนว่าประกันของเรามันชั้นไหน แล้วอยู่ในความคุ้มครองหรือไม่ตามนี้
- ประกันชั้น 1 คุ้มครองทุกกรณี ถ้าเปิดมาเจอว่าเราทำประกันชั้นนี้ไว้ก็อุ่นใจได้เลย ยังไงก็ได้เคลมฟรี
- ประกันชั้น 2+ ประกันชั้นนี้ถึงจะราคาถูกกว่าแต่เค้าก็คุ้มครองในเรื่องชนแล้วหนีด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เราต้องมีข้อมูลเลขทะเบียนของรถคันที่ชนมาให้ประกันเค้าไปไล่เก็บค่าเสียหายด้วย ตรงนี้แหละที่เราอาจต้องพึ่งกล้องหน้ารถกันสักหน่อย
- ประกันชั้น 2 ถ้ารถเพื่อน ๆ ทำประกันชั้นนี้ไว้ก็ต้องเสียใจด้วยนะ เพราะมันไม่ได้คุ้มครองในกรณีชนแล้วหนีไว้ เราต้องเป็นคนออกค่าซ่อมเองทั้งหมด แต่ถ้าอ่านแล้วยังไม่เคลียร์สามารถอ่านต่อได้ ที่นี่
- ประกันชั้น 3+ จำไว้เลยนะถ้าประกันมี + เมื่อไหร่ โดนชนแล้วหนีก็ไม่ต้องเสียใจ แค่จำทะเบียนคันที่ชนได้ประกันเค้าก็พร้อมจะจ่ายค่าซ่อมให้
- ประกันชั้น 3 สำหรับคนที่ทำประกันรถชั้นนี้ไว้ก็ต้องเสียใจด้วยนะ เพราะมันไม่ได้ไปต่อ ค่าเสียหายทั้งหมดต้องออกเองนะ
นี่แหละการทำประกันแต่ละครั้งเราถึงต้องมานั่งคิดกันดี ๆ ดูว่าประกันชั้นไหนที่มันคุ้มค่ากว่ากันจริง ๆ เพราะบางทีเราเห็นแก่ของถูก ไปทำประกันชั้น 3 ไว้ แล้วพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก็กลายเป็นว่าต้องจ่ายเองเต็ม ๆ คนเดียว ซึ่งค่าซ่อมแพงกว่าค่าประกันซะอีก ดังนั้นให้ดูสภาพแวดล้อมและนิสัยเราเป็นหลักเลย ถ้าเราจำเป็นต้องจอดรถไว้ข้างทางเพราะที่บ้านไม่มีจอด เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนอยู่ตลอดเวลา การทำประกันชั้น 3+ 2+ หรือ 1 ที่ราคาแพงกว่ากันนิดหน่อยไว้ ก็จะช่วยเซฟเราได้เวลาเกิดเหตุอะไรที่คาดไม่ถึงเหล่านี้ขึ้น
เช็กประกันเรียบร้อย สรุปได้ว่าคุ้มครองกรณีชนแล้วหนี แบบนี้ให้ทำไงต่อ
พอเช็กประกันเสร็จปุ๊บ สบายใจแล้วเพราะประกันเราคุ้มครองกรณีชนแล้วหนี มีสิทธิ์เคลมประกันได้ฟรี ๆ แบบไม่ต้องควักเนื้อตัวเองจ่าย ก็ให้เพื่อน ๆ ไปแจ้งตำรวจเพื่อลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าเราโดนชนแล้วหนีจริง เพราะเวลาเคลมประกันแบบชนแล้วหนีนี้เราต้องเอาใบบันทึกประจำวันให้ทางประกันเค้าด้วย ไม่งั้นเค้าจะไม่ออกใบเคลมให้ นี่จึงเป็นสาเหตุให้เราต้องไปที่สถานีตำรวจนั่นเอง
หลังจากนั้นก็ยกหูโทรศัพท์โทรติดต่อแจ้งกับประกันของเราเลย พอเจ้าหน้าที่ประกันมาถึง เค้าก็จะสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอได้ข้อมูลครบเค้าก็จะออกใบเคลมให้เรา เราก็แค่ยื่นใบบันทึกประจำวันที่แจ้งกับตำรวจว่าเราโดนชนแล้วหนีให้เจ้าหน้าที่ประกันเค้า แค่นี้ก็เรียบร้อย ง่ายนิดเดียว สำหรับใครที่ทำประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ไว้ ก็อาจต้องมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองกันนิดนึง โดยการไปสืบหามาให้ได้ว่าทะเบียนของรถที่ชนเราคืออะไร เพื่อให้ทางประกันเค้าไปไล่บี้เก็บเงินค่าเสียหายจากคู่กรณีเอง ซึ่งหลักฐานตรงนี้จะเอามาจากไหนได้บ้าง? ก็จากกล้องหน้ารถที่ติดไว้นี่แหละ หรือไม่ก็อาจจะเป็นกล้องจราจรที่ติดอยู่ตามแยกต่าง ๆ ก็ได้ ถ้าแถวนั้นบ้านใครเค้าติดกล้องวงจรปิดไว้ก็อาจขอความร่วมมือเพื่อนำมาเป็นหลักฐานด้วยก็ได้
แน่นอนอยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้ย่อมไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเราห้ามมันไม่ได้ เราก็ต้องป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด เช่นจอดรถในที่ที่ปลอดภัย หรือเรื่องของกล้องหน้ารถนี่ก็สำคัญไม่แพ้กัน มีไว้ก็อุ่นใจ เผื่อเวลาเกิดเหตุการณ์อะไรก็เปิดดูหลักฐานจากกล้องได้เลย อ้อ! แล้วก็อีกอย่าง เรื่องของประกันรถ อย่าเห็นแก่ของถูกเลย ยอมเสียเงินจ่ายแพงหน่อย แต่ได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่เหมาะกับเรามาแบบนี้ยังจะคุ้มค่ากว่าการที่เราต้องมาเสี่ยงควักเงินจ่ายเองทีหลัง ถ้าไม่รู้ก็เปิดเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองของประกันแต่ละเจ้า อย่าง gettgo.com เนี่ยแค่กดเลือกยี่ห้อรถ รุ่น ปี แป๊บบบบเดียว ไม่ถึง 10 วินาที ก็มีแพคเกจหลายแบบมาให้เลือกเปรียบเทียบ ลืมความยุ่งยาก วุ่นวายเรื่องการซื้อประกันรถแบบเก่า ๆ ไปได้เลย ยิ่งชวนเพื่อนมาซื้อก็ยิ่งได้ส่วนลดพิเศษทั้งคนชวนและคนซื้อ แถมเอาส่วนลดไปซื้ออย่างอื่น เช่น ประกันการเดินทางก็ได้ด้วย คุ้มสุด ๆ