“ซื้อรถยนต์ แล้วต้องมี พ.ร.บ. ก็เลยไปจดทะเบียนมาแล้ว แต่ประกันรถยนต์เนี่ย ไม่ซื้อได้ไหม ก็ไม่ได้บังคับนี่นา” สำหรับหลายคนที่สงสัยแบบนี้ ผมก็ขออาสาอธิบายให้เข้าใจนะครับว่า พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ กับ ประกันรถยนต์มีความคล้ายคลึงกันก็จริง แต่ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว
ทำความรู้จักพ.ร.บ.
พ.ร.บ. ย่อมาจาก พระราชบัญญัติ ซึ่งพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์จะเป็นกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี หากไม่ทำไว้ นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังถือเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีรถอีกต่างหาก หลักสำคัญขั้นพื้นฐานของ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ก็คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บจะได้รับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ในทางกลับกันก็เป็นหลักประกันว่าฝ่ายโรงพยาบาลจะได้รับค่ารักษาด้วยครับ
แล้วมีแค่พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์จะพอไหมนะ
พ.ร.บ. รถยนต์ คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์สามารถให้ความคุ้มครองได้ก็จริง แต่วงเงินก็ไม่ได้สูงมากนัก เช่น หากมีการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ 1. เราจะได้รับเงินค่าเสียหายเบื้องต้นโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิดตามจริง ไม่เกิน 30,000 บาท 2. เราจะได้รับเงินเสียหายที่เกินกว่าค่าเสียหายเบื้องต้น ในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าเราเป็นฝ่ายถูก เราจะได้รับเงินชดเชยเป็นค่ารักษาพยาบาลเบิกตามจริงไม่เกินคนละ 80,000 บาท ส่วนในกรณีสูญเสียอวัยวะหรือเสียชีวิต วงเงินชดเชยจะอยู่ที่ประมาณ 2-300,000 บาท เป็นต้น
แม้จะไม่มีการบังคับให้ซื้อประกันรถยนต์ควบคู่ไปกับ พ.ร.บ. แต่มีไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะประกันแต่ละชั้น หรือแต่ละประเภทล้วนช่วยผ่อนภาระหนักเป็นเบา หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างที่เพิ่งอธิบายไป ถึงแม้ว่า พ.ร.บ.จะมีงบเงินช่วยเหลือให้ก็จริง แต่หากเปรียบเทียบกันแล้ว ประกันอาจคุ้มครองได้ครอบคลุมกว่า และมีวงเงินช่วยเหลือมากกว่าครับ เช่นในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อรถไม่ว่าจะเป็นของเราหรือคู่กรณี ซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตการคุ้มครองของ พ.ร.บ. ถ้าไม่มีประกันมาช่วย เราอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดครับ
ประกันรถยนต์มีหลายแบบ ตั้งแต่ประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองกรณีรถชนทั้งที่มีหรือไม่มีคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาล ค่าสินไหมกรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ไปจนถึงประกันชั้น 3 ที่คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี อย่างไรก็ดี หากเพื่อน ๆ ไม่อยากจ่ายค่าประกันชั้น 1 ซึ่งค่อนข้างสูง แต่ก็อยากมีตัวช่วยไว้ให้อุ่นใจเผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด ก็สามารถเลือกประกันชั้นที่สอดคล้องกับงบของตัวเองอย่างเช่นประกันชั้น 3 ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียวครับ
ทำความรู้จักประกันชั้น 3 กันครับ
ประกันนี้มีชื่อเล่นว่า “ซ่อมให้เธอล้วน ๆ” เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เราทำรถเสียหายเอง เช่น มือใหม่ขับรถเฉี่ยวเสา เลี้ยวตรงที่จอดรถไม่พ้น เป็นต้น เจ้าของรถต้องเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด แต่ถ้าหากรถชนแบบมีคู่กรณี ทางบริษัทประกันจะเป็นผู้ดูแลคุ้มครองคู่กรณีให้ทั้งความเสียหายต่อตัวรถ และค่ารักษาพยาบาลครับ
ยกตัวอย่างการคุ้มครองคู่กรณีในกรณีที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ทางบริษัทประกันจะให้เงินช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 300,000 บาทต่อคน พร้อมกันนั้นยังให้เงินรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของคู่กรณีไม่ว่าจะชิ้นส่วนหลุด ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ สภาพรถเสียหายตามเงื่อนไขของประกันชั้น 3 โดยทางคู่กรณีมีสิทธิได้รับเงินสูงถึงหลักล้านเลยละครับ จะเห็นได้ว่าหากเพื่อน ๆ ยังไม่อยากทำประกันรถยนต์ที่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันสูง ประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็น่าจะตอบโจทย์ เพราะเบี้ยประกันถูกลงมาหน่อย ซึ่งโดยมากจะไม่เกิน 3,000 บาท แต่ก็สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากพอสมควรเมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีครับ
หากใครอยากเปรียบเทียบรายละเอียดประกันชั้น 3 ของแต่ละบริษัท ก็สามารถเข้าเว็บไซต์เปรียบเทียบข้อมูลการประกันได้ที่ Gettgo โดยเลือกยี่ห้อรถยนต์ รุ่นรถยนต์ ปีที่จดทะเบียน และคลิก “ค้นหา” ได้เลยครับ