หากพูดถึงประเทศในดวงใจของคนไทย หนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของประเทศ “ญี่ปุ่น” อยู่ในลิสต์ด้วยแน่นอน นอกจากบ้านเมืองที่สวยงามเป็นระเบียบ ผู้คนน่ารัก วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใครแล้วยังมีฤดูที่หลากหลายและมีเสน่ห์สุด ๆ ทั้งซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ความสดใสในฤดูร้อน ใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง หรือหิมะในฤดูหนาว ขอบอกเลยว่าจะฤดูไหนญี่ปุ่นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่หลากหลาย แต่หากยังเลือกไม่ถูกว่าควรไปช่วงไหนดี วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 4 ฤดูกาลของญี่ปุ่นให้มากขึ้นว่าควรเลือกเที่ยวช่วงไหนดี
ฤดูกาลในญี่ปุ่น
เนื่องจากภูมิประเทศของญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นหมู่เกาะทอดตัวยาวตามแนวเหนือลงมาสู่ใต้ ทำให้ใน 1 ปีแต่ละพื้นที่อาจมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันมาก เช่น ภาคเหนือหรือบริเวณเกาะฮอกไกโดจะมีหิมะตกปกคลุมยาวนาน เกาะโอกินาวะซึ่งถือเป็นเกาะทางใต้สุดของญี่ปุ่นจะมีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี แต่หลัก ๆ แล้วญี่ปุ่นจะแบ่งออกเป็น 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งแต่ละฤดูจะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะมาฤดูไหน นักท่องเที่ยวก็สามารถเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรม ธรรมชาติ หรือเทศกาลได้ไม่ซ้ำกันตลอดทั้งปี
ฤดูใบไม้ผลิในประเทศญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่นเฝ้าคอยฤดูนี้ไม่ต่างไปจากนักท่องเที่ยว เพราะเป็นเทศกาลที่ดอกไม้นานาชนิด และพืชพรรณต่าง ๆ จะเริ่มกลับมาผลิดอกออกผลกันอีกครั้งหลังฤดูหนาวผ่านพ้นไป โดยเฉพาะดอกซากุระซึ่งถือเป็นไฮไลต์และเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่ต้องไปชมให้ได้สักครั้งในชีวิต นอกจากนี้ความหมายของดอกซากุระบาน สำหรับชาวญี่ปุ่นยังหมายถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ดังนั้นจึงเป็นฤดูกาลแห่งการเปิดภาคการศึกษาในโรงเรียน การรับคนเข้าทำงานใหม่ในบริษัท นอกจากนั้นยังเป็นฤดูที่มีวันหยุดยาวประจำปีของญี่ปุ่น นั่นคือ Golden Week
สภาพอากาศ : ฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงพฤษภาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 13-25 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวเกินไป และไม่ร้อนจนเกินไป
เทศกาลที่ไม่ควรพลาด : แน่นอนว่าต้องเป็นเทศกาล “โอฮานามิ” หรือเทศกาลชมดอกซากุระ ซึ่งตามธรรมชาติของดอกซากุระจะเริ่มบานจากใต้ขึ้นไปสู่เหนือ ตามอุณหภูมิที่สูงขึ้น เกาะทางใต้อย่างโอกินาวะจะเป็นสถานที่ที่ซากุระจะบานก่อนใครในญี่ปุ่น อาจเริ่มบานตั้งแต่เดือนมกราคมกันเลยทีเดียว ขณะที่เกาะฮอกไกโดที่อยู่เหนือสุดจะบานช้าที่สุดในช่วงเดือนพฤษภาคม เมื่อซากุระบานแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนร่วงโรย
สิ่งที่ต้องระวัง
- ก่อนจะไปชมซากุระ เราต้องเลือกสถานที่และเวลาให้ตรงกับช่วงที่ซากุระบานให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นไปแล้วอาจจะเจอแต่ต้นไม้ที่เหลือเพียงใบสีเขียวก็เป็นได้
- ฤดูใบไม้ผลิจะตรงกับวันหยุดยาวของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Golden Week ซึ่งมีทั้งวันหยุดโชวะ วันรัฐธรรมนูญ วันสีเขียว และวันเด็กผู้ชาย แน่นอนว่าหากจองตั๋วไปช่วงนี้ คุณจะได้พบกับชาวญี่ปุ่นจำนวนมหาศาลตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งในรถไฟชิงคันเซ็น
- ฤดูนี้เป็นฤดูที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง แต่ความสวยงามนั้นอาจมากับ “โรคภูมิแพ้” ที่คนญี่ปุ่นเองก็เป็นกันเพราะแพ้ละอองเกสรดอกไม้ ดังนั้นใครที่มีอาการภูมิแพ้ควรเตรียมยาส่วนตัวเอาไว้ด้วย และอุปกรณ์ที่จะช่วยได้มากนั่นคือหน้ากากอนามัย
ฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่น
ฤดูร้อนในญี่ปุ่นเป็นฤดูแห่งความสดใส เด็ก ๆ เริ่มปิดเทอมฤดูร้อน ชายหาดหรือสวนน้ำในญี่ปุ่นเริ่มคึกคักไปด้วยผู้คน รวมถึงยังมีเทศกาลหน้าร้อนให้ร่วมสนุกกันมากมายเลย
สภาพอากาศ : ฤดูร้อนของญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน โดยในช่วงต้นฤดูร้อน หรือประมาณปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมจะเป็นช่วงหน้าฝนของญี่ปุ่นซึ่งเรียกว่า “ สึยุ (Tsuyu / 梅雨)” ซึ่งจะทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม และฝนจะตกปรอย ๆ ตลอดทั้งวัน หลังจากหมดช่วงนี้แล้วก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่อากาศร้อนที่สุดนั่นคือเดือนสิงหาคม เฉลี่ยแล้วอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 37-38 องศา แต่ล่าสุดที่สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) วัดได้ อุณหภูมิของโตเกียวพุ่งสูงไปถึง 41 องศาเลยทีเดียวซึ่งนับว่าร้อนเป็นประวัติการณ์ แน่นอนว่าหากใครไปช่วงนี้คงได้เจอกับคลื่นความร้อนไม่ต่างจากไทย แต่อากาศของญี่ปุ่นจะต่างไปตรงที่แดดของเขาจะร้อนแสบผิวกว่าเรามาก ขณะเดียวกัน บางพื้นที่ของญี่ปุ่นอย่างเช่นฮอกไกโดซึ่งอยู่ทางเหนือจะมีอากาศที่เย็นสบาย อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 องศาเท่านั้น
เทศกาลที่ไม่ควรพลาด : ด้วยอากาศที่ร้อน คนญี่ปุ่นจึงมักออกไปเที่ยวเล่นตามชายหาด หรือสวนน้ำกัน ขณะเดียวกันเทศกาลส่วนใหญ่ในฤดูนี้มักเป็นเทศกาลตอนกลางคืนซึ่งขอบอกเลยว่าโรแมนติกมาก ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ “เทศกาลทานาบาตะ” วันที่ 7 กรกฎาคมที่ชาวญี่ปุ่นจะพากันเขียนคำอธิษฐานใส่กระดาษแล้วนำไปแขวนที่ต้นไผ่ กับอีกหนึ่งเทศกาลก็คือเทศกาลดอกไม้ไฟซึ่งมักจะจัดกันตามลานริมแม่น้ำต่าง ๆ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ชาวญี่ปุ่นจะพากันสวมชุดยูกาตะออกมาชมดอกไม้ไฟกัน
สิ่งที่ต้องระวัง
-
เรื่องเสื้อผ้าคงไม่ต้องห่วงอะไรมาก เพราะชาวไทยคงคุ้นเคยกับอากาศร้อนกันดีอยู่แล้ว แต่ที่อยากให้ระวังที่สุดก็คือเรื่องของคลื่นความร้อน ญี่ปุ่นจะมีอากาศร้อนมากจนรัฐบาลต้องเตือนให้ระวังการเป็นลมแดด ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนาน ๆ และแน่นอนว่าไม่ควรเข้าไปอยู่ในที่ที่แออัดมาก ๆ ด้วยเช่นกัน
ฤดูใบไม้ร่วงในประเทศญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นอีกหนึ่งฤดูที่คนไทยมักนิยมไปเที่ยวกัน เพราะเป็นฤดูที่มีใบไม้แดงนั่นเอง เมื่อใบไม้แดงเริ่มแทนที่ใบไม้สีเขียวในฤดูร้อน นั่นหมายความว่าอีกไม่กี่เดือนจะต้องเข้าสู่ฤดูหนาวกันแล้ว แต่ช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูนี่แหละที่ทำให้ญี่ปุ่นมีสีสันสุด ๆ
สภาพอากาศ : หลายคนที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมาหลาย ๆ ช่วงมักบอกกันว่าชอบฤดูใบไม้ร่วงมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายกำลังดี อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 12-26 องศา ท้องฟ้าก็สวยเพราะเพิ่งผ่านช่วงฤดูร้อนที่มีฟ้าโปร่งมา แต่แสงแดดที่สาดลงมานั้นอุ่นกำลังดี ฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน แต่หากอยากมาชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำให้มาช่วงปลายตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายนใบไม้จะเปลี่ยนสีได้สวยที่สุด
เทศกาลที่ไม่ควรพลาด : แน่นอนว่าต้องเป็นการชมใบไม้เปลี่ยนสีอยู่แล้ว แต่การผลัดใบจากสีเขียวเป็นสีแดงนั้นจะตรงกันข้ามกับการบานของดอกซากุระ ซากุระจะเริ่มบานจากใต้ขึ้นเหนือ แต่ใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มจากเหนือลงใต้ จากที่ที่มีอากาศเย็นก่อน ดังนั้นสถานที่ที่ใบไม้จะกลายเป็นสีแดงเป็นแห่งแรกคือฮอกไกโดซึ่งจะเริ่มจากต้นเดือนตุลาคม และไล่ลงมาภูมิภาคอื่นเรื่อย ๆ อย่างที่โตเกียว หรือแถบเกียวโตใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยที่สุดช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
สิ่งที่ต้องระวัง
- วางแผนการแต่งกายให้ดี เพราะหากใครมาเที่ยวในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง อากาศช่วงกลางวันอาจจะไม่ได้หนาวมาก แต่พอตกกลางคืนอุณหภูมิจะลดต่ำลงอย่างมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เจ็บป่วย แนะนำว่าควรเตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ หรือเสื้อนอกมาเผื่อไว้ด้วย
ฤดูหนาวในประเทศญี่ปุ่น
ชาวเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรอย่างเราย่อมอยากจะไปสัมผัสอากาศหนาว ๆ หรือหิมะที่ต่างประเทศกันสักครั้ง ฤดูหนาวที่ญี่ปุ่นก็นับว่าเป็นฤดูกาลที่ดี เพราะแม้อุณหภูมิจะลดต่ำลง หรือมีหิมะตกหนักในบางพื้นที่ แต่กิจกรรม หรือเสน่ห์ของญี่ปุ่นก็ไม่เคยลดลงไปเลย
สภาพอากาศ : ฤดูหนาวของญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 2-10 องศา บางพื้นที่เช่นทางตอนเหนืออย่างเกาะฮอกไกโดจะมีหิมะตกหนักมาก น้ำในลำธารหรือแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง ขณะที่ทางตอนใต้อาจไม่มีหิมะแต่อุณหภูมิจะลดต่ำลงสุด ๆ
เทศกาลที่ไม่ควรพลาด : ฤดูหนาวก็เป็นอีกหนึ่งช่วงที่ญี่ปุ่นจะดูโรแมนติกสุด ๆ เพราะเต็มไปด้วยไฟประดับหลากสีสันตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ใกล้เข้ามาถึง นอกจากนี้ยังเป็นฤดูกาลแห่งการเล่นสกี โดยเฉพาะที่ฮอกไกโดซึ่งว่ากันว่าเป็นสถานที่เล่นสกีที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ในซัปโปโรของฮอกไกโดยังมีเทศกาลน้ำแข็ง ที่จะเป็นการแข่งขันแกะสลักหิมะที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่แช่ออนเซ็นได้ฟินที่สุด ลองคิดดูว่าหากได้แช่บ่อน้ำร้อนท่ามกลางอากาศหนาว ๆ ภายนอกแล้วคงจะดีไม่น้อย
ข้อควรระวัง
- ชาวไทยที่ไปเที่ยวในช่วงนี้จะต้องวางแผนเครื่องแต่งกายให้ดีมาก ๆ เพราะหากเสื้อผ้าหนาไม่เพียงพอกับอากาศที่เย็นยะเยือก รับรองเที่ยวไม่สนุกแน่ หนำซ้ำยังอาจป่วยขึ้นมาได้ ควรเตรียมเสื้อโค้ทหนา ๆ รองรับอากาศติดลบได้ รวมถึงผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า ไปให้พร้อม
- บางพื้นที่มีหิมะตกหนัก ปัญหาที่ตามมาก็คืออันตรายจากหิมะ อย่างเช่น การลื่นล้ม แม้แต่ชาวญี่ปุ่นเองยังบาดเจ็บจากกรณีนี้กันทุกปี ดังนั้นชาวไทยมือใหม่เรื่องหิมะอย่างเราก็ต้องเดินกันอย่างระมัดระวัง ทางที่ดีควรหารองเท้าสำหรับเดินบนหิมะโดยเฉพาะไว้ด้วย
แนะนำอ่าน : ป่วยระหว่างเดินทางอยู่ที่ญี่ปุ่น ต้องทำอย่างไร ?
ญี่ปุ่นเที่ยวสนุกทุกฤดู แต่ประกันเดินทางก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะมาฤดูไหน เราก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ของญี่ปุ่นที่แตกต่างกันไปได้ตลอดทั้งปี แต่ไม่ว่าจะสนุกอย่างไร สิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัย เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอเวลาที่เราไปเที่ยว หากอยู่ต่างบ้านต่างเมืองโดยไม่มีตัวช่วยรับมือแล้วเกิดเหตุขึ้นมาจริง ๆ คงมืดแปดด้านจนทริปหมดสนุก และตัวช่วยที่จะทำให้เราอุ่นใจระหว่างเดินทางได้ก็คือ ประกันเดินทาง ที่จะครอบคลุมทั้งการเจ็บป่วย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หรือแม้แต่กรณีไฟล์ทบินล่าช้าก็คุ้มครอง ไม่ว่าจะมีเหตุอะไร อย่างน้อยยังมีประกันเดินทางให้เราอุ่นใจได้ตลอดทั้งทริปนั่นเอง