เมื่อพูดถึงโรคมะเร็งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวมาก โดยเฉพาะคนที่รู้สึกว่าดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีมาตลอด และไม่เคยมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งมาก่อน แต่อยากจะบอกว่า โรคนี้ปัจจุบันแม้แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนของการเกิดโรคได้ แล้วยังพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เช่น อายุ, สารเคมีที่ได้รับ, แสงแดด, พฤติกรรมการใช้ชีวิต ฯลฯ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามล้วนมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ และควรวางแผนเตรียมความพร้อมในการดูแลตัวเองเมื่อเกิดโรคด้วย การทำประกันมะเร็ง ถือเป็นการวางแผนเตรียมความพร้อม เพื่อจะรับมือกับการเกิดโรคมะเร็งได้ดีที่สุด เพราะอย่างที่บอกโรคนี้ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ และจะเกิดเมื่อไหร่ แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วนอกจากจิตใจที่เข้มแข็งพร้อมสู้โรค ความพร้อมด้านการเงินก็สำคัญด้วยเช่นกัน เพราะแม้ว่าการแพทย์ในปัจจุบันจะทำให้การรักษาโรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังมีราคาสูงอยู่มาก การมีประกันมะเร็งช่วยสร้างความอุ่นใจ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา ไม่กระทบกับครอบครัว และช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยคลายความกังวลใจ และมีกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
นอกจากนั้นถ้ามาดูในรายละเอียด ประกันมะเร็งยังมีข้อดีอีกหลายอย่างที่ให้กับผู้ทำประกัน โดยเฉพาะประโยชน์ในระยะยาวที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง เช่น
1. หากตรวจพบความผิดปกติไม่ว่าจะในระยะใดก็ตาม การมีประกันมะเร็งจะได้รับความคุ้มครองในการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
เพราะคุณสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงทีไม่ต้องรอความพร้อมด้านการเงิน โดยประกันจะจ่ายให้กับคุณทั้งหมดตามสัญญากรมธรรม์ บางครั้งอาจเป็นเงินก้อนใหญ่ทีเดียวตั้งแต่ตรวจพบเชื้อมะเร็ง บางสัญญาก็อาจจ่ายต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่คุณทำการรักษา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ที่ทำมาตั้งแต่ต้น
2. ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
เนื่องจากทำประกันที่ครอบคลุม จะทำให้มีค่าชดเชยจากการขาดรายได้ หรือค่าใช้จ่ายระหว่างนอนพักรักษาตัวให้ด้วย โดยระยะเวลาของการเอาประกันก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขตามกรมธรรม์ บางสัญญาอาจคุ้มครองจนคุณสามารถทำงานได้อีกครั้ง ซึ่งข้อนี้นับเป็นประโยชน์ระยะยาวที่คุ้มค่ามากทีเดียว
3. ไม่ต้องจ่ายเงินค่าประกันอีกต่อไปแต่จะได้เงินกลับคืนมา
เมื่อตรวจพบหรือวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ผู้ทำประกันสามารถหยุดส่งเงินเบี้ยประกันได้ทันที จึงไม่เป็นภาระด้านค่าใช้จ่าย แต่ขณะเดียวกันความคุ้มครองต่าง ๆ และสิทธิประโยชน์ยังอยู่ครบถ้วนทั้งหมด
4. ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาที่มากขึ้นและดีกว่า
หลายคนมองข้ามประกันมะเร็ง เพราะคิดว่ามีสวัสดิการรักษาพยาบาลจากทางรัฐช่วยดูแลอยู่แล้ว แต่ที่หลายคนอาจไม่รู้คือการรักษาด้วยสิทธิ์ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก ไม่ว่าจะเรื่องของชนิดยาที่จะต้องอยู่ในบัญชียาหลักเท่านั้น ทั้งยารักษามะเร็งที่มีประสิทธิผลดี ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตสูงจะอยู่นอกบัญชียาหลักทั้งหมด ซึ่งผู้ใช้สิทธิ์ประกันสังคมเข้าไม่ถึง เช่น ยารักษามะเร็งเต้านม Trastuzumab (Herceptin) ที่ราคาต่อหน่วย 98,340 บาท ทำให้หนึ่งคอร์สการรักษาต้องใช้เงินสูงถึง 1,180,080 บาท ยารักษามะเร็งปอด Erlotinib (Tarceva) ที่ราคาเม็ดละ 3,086 บาท ทำให้ค่ายาต่อคอร์สสูงถึง 1,126,390 บาท หรือยามุ่งเป้า(Targeted Therapies) ที่ให้ผลดีต่อการรักษามะเร็งแบบจำเพาะเจาะจง และไม่กระทบกระเทือนต่อเนื้อเยื่ออวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเคียง ก็มีราคาสูงมากเช่นกัน การมีประกันจึงช่วยให้คุณมีทางเลือกในการรักษาที่มากขึ้น และยังไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายส่วนเกินต่าง ๆ อย่างการใช้สิทธิ์ประกันสังคมจากภาครัฐ
และที่หลายคนอาจจะลืมนึกไปคือ การซื้อประกันมะเร็งไว้ แม้คุณจะไม่ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งจนได้รับสิทธิ์ความคุ้มครองต่าง ๆ ตามกรมธรรม์ แต่ประกันนี้ก็ยังมีประโยชน์ในระยะยาวกับผู้ทำประกันอยู่มาก โดยเฉพาะถ้าคุณทำประกันมะเร็งแบบสะสมทรัพย์ ที่นอกจากจะได้ความสบายใจต่อความเจ็บป่วยที่คาดไม่ถึงแล้ว และยังจะได้รับเงินสะสมในอนาคตที่เป็นความมั่นคงของชีวิตอีกด้วย
