ประกันของเรา
บทความ
เกี่ยวกับ gettgo

ประกันสุขภาพเดี่ยว VS ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต เลือกแบบไหนดี ?

ประกันสุขภาพเดี่ยว VS ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต เลือกแบบไหนดี ?

 

ประกันมีหลายรูปแบบให้เราเลือกซื้อ หลัก ๆ ที่จะเห็นคนนิยมซื้อกัน คือกลุ่มประกันสุขภาพกับประกันชีวิต โดยเฉพาะประกันสุขภาพก็กำลังเป็นที่สนใจกันมาก เพราะกระแสความนิยมดูแลสุขภาพกำลังมาแรง แต่รู้หรือไม่ว่า ประกันสุขภาพก็มีแบบที่คุ้มครองสุขภาพเดี่ยว ๆ กับแบบคุ้มครองพ่วงประกันชีวิต หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมต้องพ่วงประกันชีวิต ? จำเป็นหรือเปล่า ? แล้วจะต่างจากประกันสุขภาพเดี่ยวอย่างไร ? เราจึงรวบรวมข้อมูลมา เพื่อตอบข้อสงสัยของทุกคนแบบเคลียร์ ๆ จะได้เลือกกันถูกว่าควรซื้อแบบไหน เพราะการจะเลือกซื้อประกันสักแผน ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเราเองจึงจะดีที่สุด


ประกันสุขภาพเดี่ยวคืออะไร เหมาะกับใคร


ประกันสุขภาพเดี่ยว คือประกันที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะด้านสุขภาพอย่างเดียว โดยครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วย โรคภัย หรืออุบัติเหตุ หลัก ๆ แล้วเราจะได้ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการทางการแพทย์ทั่วไป และค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน โดยที่จะแบ่งแยกไปได้อีกหลายประเภท เช่น ประกันสุขภาพทั่วไป ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง ประกัน IPD ประกัน OPD เป็นต้น

เมื่อก่อนนี้ บริษัทที่รับทำประกันสุขภาพเดี่ยวมักจะสามารถเพิ่มเบี้ยประกันเป็นรายบุคคล หรือบอกเลิกกรมธรรม์ได้แบบปีต่อปี ในกรณีที่เราอาจมีการเคลมบ่อยในจำนวนเงินที่สูง แต่จากมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ (New Health Standard) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ประกาศเริ่มใช้ตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา บริษัทประกันจะไม่สามารถบอกเลิกสัญญาตามใจชอบ หรือเรียกเพิ่มเบี้ยตามรายบุคคลได้อีกต่อไป แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องปฏิบัติตามเมื่อจะซื้อประกันสุขภาพ นั่นคือเราต้องแถลงสุขภาพของตัวเองแก่บริษัทประกันตามความเป็นจริง

 

ประกันสุขภาพเดี่ยวเหมาะกับใคร

- เหมาะกับผู้ที่มีสุขภาพดี เพราะการซื้อประกันสุขภาพเอาไว้แต่เนิ่น ๆ จะไม่เสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธรับทำประกัน อีกทั้งเบี้ยที่ได้ก็ถูกกว่าตอนที่เรามาทำหลังจากมีโรคติดตัวแล้วด้วย

- เหมาะกับผู้ที่มีงบจำกัด เพราะประกันสุขภาพมีอยู่หลากหลายประเภทที่ครอบคลุมคนแทบทุกกลุ่ม สำหรับมือใหม่หัดซื้อประกันสุขภาพที่ยังมีสุขภาพดีและอยากจะหาความคุ้มครองไว้แต่เนิ่น ๆ เดี๋ยวนี้บริษัทประกันสุขภาพหลายบริษัทต่างพากันออกแพ็กเกจมาให้เลือกกันหลากหลาย ตั้งแต่เบี้ยถูก ครอบคลุมเฉพาะโรคที่เป็นกันบ่อย ๆ ไปจนถึงเบี้ยแพงที่ครอบคลุมทั้งโรคทั่วไปและโรคร้ายแรง

- เหมาะกับพนักงานบริษัทที่มีสวัสดิการด้านสุขภาพอยู่แล้ว การมีประกันสุขภาพเดี่ยวจะเป็นเหมือนความคุ้มครองเสริมในกรณีที่สวัสดิการสุขภาพที่เรามีอยู่ครอบคลุมไม่เพียงพอ เพราะสวัสดิการของบริษัทหรือประกันสังคมจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลหรือการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น หากไม่มีประกันสุขภาพเดี่ยวเสริมไว้ละก็ หากป่วยหนักขึ้นมาอาจต้องจ่ายเพิ่มแพงมาก

- เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในระยะสั้น ๆ ต้องการจ่ายเบี้ยประกันแบบปีต่อปี ไม่ต้องการมีข้อผูกมัดหรือทุ่มเงินในการจ่ายเบี้ยประกันมากเกินไป

ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิตคืออะไร เหมาะกับใคร

หากเป็นประเภทนี้ ประกันสุขภาพจะกลายเป็นกรมธรรม์เสริมเพิ่มเติมจากประกันชีวิต ดังนั้นประกันประเภทนี้จะเน้นความคุ้มครองชีวิตเป็นหลักซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองระยะยาว หรืออาจจะตลอดชีพแล้วแต่แผนประกันซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น

1. แบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยหากผู้เอาประกันเสียชีวิตในระยะเวลาเอาประกันภัย


2. แบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance) ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ และบริษัทจะจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้รับประโยชน์หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้


3. แบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance) ให้ทั้งการคุ้มครองชีวิตและเพื่อการออมทรัพย์ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินที่ออมไว้เมื่อครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเป็นค่าชดเชยให้ผู้รับผลประโยชน์หากผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในเวลาเอาประกันภัย


3. แบบบำนาญ (Annuities Insurance) บริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนที่กำหนดให้ทุกเดือนหรือทุกปีหากผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุแล้ว


ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิตเหมาะกับใคร

- เหมาะกับผู้ที่มีงบเยอะ เพราะการทำประกันที่ครอบคลุมทั้งสองส่วนแบบนี้เท่ากับเราจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่าแบบเดี่ยว ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีงบเพื่อจ่ายเบี้ยประกัน

- เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองแบบครบอย่างที่บอกไปแล้วว่านี่เป็นประกันซึ่งพ่วงเอาประกันสุขภาพมาไว้กับประกันชีวิต จึงจะช่วยให้อุ่นใจอย่างมากในอนาคตที่คาดเดาไม่ได้

- เหมาะกับผู้ที่อยากวางแผนการใช้เงินในระยะยาว การทำประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต เราจะต้องทำกรมธรรม์ในระยะยาวอยู่แล้ว ทำให้กว่าจะหมดสัญญา หรือหลังเกษียณไป เบี้ยประกันที่เราเก็บสะสมไว้ก็จะกลายเป็นเงินก้อนซึ่งสามารถนำไปใช้ในบั้นปลายชีวิต หรือหากวันดีคืนดีเราเกิดเสียชีวิตขึ้นมา ครอบครัวของเราก็จะได้รับเงินก้อนนี้ด้วย


ประกันทั้งสองแบบต่างกันอย่างไร

มีความต่างอย่างแน่นอนระหว่าง “ประกันสุขภาพเดี่ยว” กับ “ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต” โดยจำแนกให้เห็นชัด ๆ ได้ดังนี้

ความคุ้มครอง
 

ประกันสุขภาพเดี่ยว : ให้ความคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการทางการแพทย์ ค่าผ่าตัด เป็นต้น
ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต : ให้ความคุ้มครองทั้งค่าชดเชยจากกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ และค่ารักษาพยาบาล

 

ค่าเบี้ยประกัน
ประกันสุขภาพเดี่ยว : มีเฉพาะค่าเบี้ยประกันสุขภาพแค่ส่วนเดียว และจะมีค่าเบี้ยที่ถูกกว่า หลากหลายกว่า แล้วแต่กรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันเลือกซื้อ ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต : มี 2 ส่วน คือค่าเบี้ยประกันสุขภาพและค่าเบี้ยประกันชีวิต ดังนั้นค่าเบี้ยประกันโดยรวมจึงจะสูงกว่าประกันสุขภาพเดี่ยว 

 

ระยะความคุ้มครอง
ประกันสุขภาพเดี่ยว : สัญญากรมธรรม์จะให้ความคุ้มครองแบบปีต่อปี นั่นหมายความว่าเราจะต้องต่อสัญญาใหม่ทุกปี
ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต : ความคุ้มครองจะแบ่งเป็นสองส่วน นั่นคือ ส่วนของประกันชีวิตที่จะเป็นแบบระยะยาวหรือตลอดชีพแล้วแต่แผนประกัน กับส่วนของประกันสุขภาพซึ่งจะคุ้มครองแบบปีต่อปีเช่นเดียวกับประกันสุขภาพทั่วไป แต่ตราบใดที่ประกันชีวิตยังมีผลคุ้มครองอยู่ เราก็ยังสามารถต่อสัญญาประกันสุขภาพไปได้เรื่อย ๆ

 

การบอกเลิกกรมธรรม์
ประกันสุขภาพเดี่ยว : ด้วยความที่เป็นความคุ้มครองแบบปีต่อปี โอกาสที่จะถูกยกเลิกสูงกว่า แต่การถูกยกเลิกนั้นจะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้เอาประกันแถลงสุขภาพเท็จ ปกปิดข้อมูล หรือเคลมเกินความเป็นจริง
ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต : โอกาสที่จะถูกบอกเลิกมีน้อยกว่าเพราะกรมธรรม์หลักอย่างประกันชีวิตเป็นสัญญาระยะยาว เรามีสิทธิได้รับความคุ้มครองของประกันสุขภาพตามระยะกรมธรรม์ของประกันชีวิต ทั้งนี้อาจถูกยกเลิกได้เช่นเดียวกันหากแถลงสุขภาพเท็จ ปกปิดข้อมูล หรือเคลมเกินความเป็นจริง

 

สถานที่ซื้อกรมธรรม์
ประกันสุขภาพเดี่ยว : ซื้อได้จากบริษัทประกันภัย
ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต : ต้องซื้อที่บริษัทประกันชีวิต ไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพเดี่ยว ๆ ที่นี่ได้

 

น้อยคนนักที่จะรู้ว่าประกันสุขภาพ มีแบบที่พ่วงกับประกันชีวิตด้วย หากเป็นคนที่เพิ่งเริ่มศึกษาการซื้อประกันภัย อย่างเช่นวัยทำงานที่สุขภาพยังแข็งแรงดี และยังไม่ได้อยากเอาเงินไปทุ่มกับเบี้ยประกันสูงมากนัก การซื้อประกันสุขภาพเดี่ยว ๆ ติดตัวไว้สักแผนก็นับว่าสามารถให้ความอุ่นใจได้อย่างเพียงพอแล้ว แต่หากใครที่เริ่มวางแผนชีวิตในระยะยาวกันแล้ว เช่น ผู้ที่แต่งงานมีครอบครัว หรือผู้ที่เริ่มมีหน้าที่การงานมั่นคง พร้อมจ่ายเบี้ยประกันสูง ๆ เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่าได้แล้วละก็ การทำประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิตไว้ นอกจากจะให้ความอุ่นใจทั้งชีวิตและสุขภาพแล้ว คนที่เรารักยังจะได้รับผลประโยชน์หากเกิดกรณีไม่คาดฝันอีกด้วย

บทความที่คุณอาจสนใจ

เคลียร์ให้ชัด เคสไหนที่ประกันสุขภาพบอกเลิกสัญญาได้
อยากนอน รพ. ดี ๆ แต่ประกันบริษัทที่มีไม่เคยพอ
ก้อยบอก "ชีวิตวางแผนได้" แล้ว iHealthy 5 แผน ช่วยค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ?
ความคุ้มครอง ประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2+ ประกันชั้น 2 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ประกันชั้น 3+ ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี
รถชน(ไม่มีคู่กรณี)
รถชน(มีคู่กรณี)
ค่ารักษาพยาบาล
รถยนต์สูญหาย
ไฟไหม้
น้ำท่วม

เข้าสู่ระบบ

หากยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ กรุณา สมัครสมาชิก

 

สมัครสมาชิก

หากเป็นสมาชิกอยู่แล้วกรุณา ลงชื่อเข้าใช้งาน

Loading..

กำลังดำเนินการ กรุณารอสักครู่ค่ะ 😊

ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    ข้าพเจ้ายินยอมให้บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด  (“บริษัท”)
เก็บรวบรวมใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าเพื่อการนำเสนอโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ ข่าวสาร ผลิตภัณฑ์ บริการ จากบริษัท รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติจากบริษัท และ/หรือบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ และเพื่อโอกาสที่ข้าพเจ้าจะได้รับข้อเสนอ บริการพิเศษ โปรโมชั่น หรือผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างเหมาะสมจากบริษัทในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ ข้าพเจ้ายินยอมให้เปิดเผยข้อมูลของข้าพเจ้าให้แก่บริษัทดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ตลอดจนการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์และบริการ 

การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล 

    ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
    บริษัทจะดำเนินการอย่างดีที่สุดในการรักษาความลับและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย คุณสามารถเลือกให้หรือไม่ให้ความยินยอมโดยไม่มีผลต่อการพิจารณาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เว็บไซต์ https://gettgo.com/privacy-policy
ทั้งนี้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการให้ความยินยอมได้ โดยติดต่อเราที่ email : dpo-office@mtb.co.th หรือโทร 02-693-2775 (DPO)
     การที่คุณยอมรับตามด้านล่างนี้ถือว่าคุณได้ให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้
และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น