เชื่อว่าหลายคนต้องเคยมีคนรอบตัวที่เผชิญกับโรคร้ายแรงอย่าง ‘โรคมะเร็ง’ กันอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ คนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูง ยิ่งใครที่มีคนในครอบครัวเคยเป็นแล้วคงแอบหวั่นใจกันอยู่ไม่น้อย ก็โรคมะเร็งตัวร้ายนี้ทั้งเจ็บปวด ทรมาน และค่าใช้จ่ายก็สูงปรี๊ดแตะหลักล้านเลยทีเดียว
ของต้องมี เมื่อไหร่ดีที่ควรซื้อประกันมะเร็ง?
หากเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากเป็น และถ้าเป็นไปได้ก็ควรเตรียมตัวรับมือกับโรคร้ายแรงไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ยิ่งดีเลยค่ะ หากเพื่อน ๆ อยู่ในเกณฑ์เสี่ยง 3 ข้อนี้ gettgo แนะนำว่าต้องรีบบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยประกันมะเร็งสักแผนแล้วล่ะค่ะ
➖ ‘พันธุกรรม’ ข้อแรกที่เช็คตัวเองได้ง่ายที่สุด อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นค่ะว่าหากใครมีคนในครอบครัวที่เคยเป็นโรคมะเร็ง แปลว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นได้เช่นกัน ยังไงก็หมั่นตรวจเช็คร่างกายอยู่เสมอนะคะ
➖ ‘อายุ’ อีกปัจจัยหนึ่งที่คนเรามองข้ามอยู่เสมอ เพราะคิดว่าอายุเท่านี้ไม่เป็นอะไรร้ายแรงหรอก แต่หารู้ไม่ว่าเบี้ยประกันนั้นแพงขึ้นตามอายุเลยล่ะค่ะ ยิ่งปล่อยไว้นานอาจต้องจ่ายเบี้ยแพงขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า จนหลายคนต้องมาบ่นทีหลังว่ารู้งี้ทำตั้งแต่แรกดีกว่า
➖ ‘พฤติกรรม’ อย่าลืมเช็คกันหน่อยนะคะว่าแต่ละวันเราทำอะไรไปบ้าง ทานปิ้งย่างแบบไหม้เกรียมบ่อยเกินไปไหม? หรือกินเหล้าสูบบุหรี่มากเกินไปหรือเปล่า?
หากไม่มีประกันมะเร็งจะเป็นยังไงน้อ? หลายคนอาจนึกภาพไม่ออก gettgo ขอยกตัวอย่างให้กระจ่างขึ้นค่ะ เช่น มาลีทำประกันสุขภาพแบบทั่วไป เน้นค่าห้องกับผู้ป่วยนอกไว้ เพราะคิดว่าคงไม่เป็นโรคมะเร็งแน่ ๆ อย่างมากคงเจ็บป่วยเป็นไข้ทั่วไป แต่วันนึงดันตรวจเจอมะเร็งขึ้นมาปุ๊ป! งานเข้ามาลีเต็ม ๆ
วงเงินค่ารักษาไม่ครอบคลุมโรคมะเร็งด้วย มาลีต้องควักกระเป๋าส่วนต่างที่เหลือทั้งหมดเอง ไหนจะค่าทำคีโม ฉายแสง เครื่องมือเฉพาะทาง ค่าสารพัดที่เกี่ยวกับการรักษามะเร็ง เสียหายหลายแสนแน่นอนค่ะ แต่ถ้าหากมาลีมีประกันโรคมะเร็งไว้ก็จะลดภาระตรงนี้ไปได้มาก เพราะประกันพร้อมจ่ายเงินก้อนให้เป็นทุนรักษาต่อไปนั่นเองค่ะ
ประกันโรคมะเร็ง อย่ารอให้เป็นแล้วค่อยทำ
การซื้อประกันโรคมะเร็งไม่ได้แปลว่าเป็นโรคมะเร็งแล้วสามารถทำได้นะคะ ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่มาก ต้องทำก่อนเป็นเท่านั้นค่ะ เนื่องจากเงื่อนไขสัญญาต้องมีระยะรอคอยประมาณ 60-120 วันตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราควรซื้อประกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและไม่ต้องจ่ายเบี้ยแพง ๆ นั่นเองค่ะ อย่าลืมอ่านเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์ให้ถี่ถ้วนเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตัวเองกันนะคะ
ถึงโรคจะร้ายแต่เบี้ยไม่แรง
เอาใจคนงบน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด หากพูดถึง ‘ประกันมะเร็ง’ ชื่อนี้ใคร ๆ ก็คงคิดว่าเบี้ยต้องแพง จ่ายต้องหนัก เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่าอันที่จริงแล้วเบี้ยประกันไม่ได้แพงอย่างที่คิด มีให้เลือกตั้งแต่เบี้ยน้อยหลักร้อยไปจนถึงเบี้ยสูงหลักหมื่นเลยล่ะค่ะ ครั้งก่อน gettgo เคยเปรียบเทียบประกันมะเร็งด้วยเบี้ย 5,000 ให้ได้ดูกันไปแล้ว วันนี้มาดูกันอีกครั้งกับเบี้ยเพียง 1,000 บาท ที่ราคาพอ ๆ กับบุฟเฟต์พรีเมียม 1 มื้อเลยนะคะ ลองมาลงทุนกับสุขภาพตัวเองกันดูสักตั้งยังไงก็ไม่เสียหาย
gettgo รวบรวม 7 แผนประกันมะเร็งสำหรับงบเบา ๆ เพียง 1,000 บาท แถมจ่ายเงินก้อนหลักแสนไว้เป็นทุนในการรักษาหากตรวจเจอ ว่าแต่มีประกันเจ้าไหนบ้างไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ (เปรียบเทียบจากเพศหญิง อายุ 30 ปี)
1. ทิพยประกันภัย - ประกันโรคร้ายแรง 10 โรค (มะเร็งระยะลุกลาม) แผน 1
⚫ เบี้ยต่อปี 430 บาท
⚫ เจอจ่ายเงินก้อน 100,000 บาท (ยกเว้นมะเร็งผิวหนัง)
2. เอ็ทน่าประกันสุขภาพ - Extra Value (แผน 1)
⚫ เบี้ยต่อปี 509 บาท
⚫ เจอจ่ายเงินก้อน 100,000 บาท (ปรึกษาแพทย์ฟรีผ่าน vHealth)
3. เอ็มเอสไอจีประกันภัย - Simple Fix (แผน 1)
⚫ เบี้ยต่อปี 625 บาท
⚫ เจอจ่ายเงินก้อน 100,000 บาท
4. เทสโก้โลตัส - แคนเซอร์ ฟิกซ์ 10 (แผน 1)
⚫ เบี้ยต่อปี 876 บาท
⚫ เจอจ่ายเงินก้อน 200,000 บาท
5. กรุงเทพประกันภัย - Classic Care (แผน 1)
⚫ เบี้ยต่อปี 920 บาท
⚫ เจอจ่ายเงินก้อน 200,000 บาท (ยกเว้นมะเร็งผิวหนัง จ่าย 40,000)
6. นวกิจประกันภัย - ประกันโรคมะเร็ง ทุน 150,000 (แผน 2)
⚫ เบี้ยต่อปี 960 บาท
⚫ เจอจ่ายเงินก้อน 150,000 บาท (ยกเว้นมะเร็งผิวหนัง)
7. เมืองไทยประกันภัย - Smile Cancer (แผน 1)
⚫ เบี้ยต่อปี 1,015 บาท
⚫ เจอจ่ายเงินก้อน 200,000 บาท (ยกเว้นมะเร็งผิวหนัง)
วางแผนการเงินแล้วก็อย่าลืมจัดการความเสี่ยงด้วยนะคะ ยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นโรคอันดับต้น ๆ ของคนไทยแล้วยิ่งต้องรอบคอบมากขึ้น ไม่งั้นความมั่นคงทางการเงินอาจสั่นคลอนได้ วันนี้ยังแข็งแรง แต่วันข้างหน้าโรคภัยอาจถามหาได้ เริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยประกันโรคมะเร็งราคาเบา ๆ แต่คุ้มครองสุดคุ้มกันดีกว่าค่ะ